ปรึกษาทนายจิม
085-939-3392

Line ID: @tanaijim

คำพิพากษา

อ่านต่อ
ผู้เสียหายแถลงว่าไม่ติดใจดำเนินคดีส่วนแพ่งจำเลย สำหรับคดีอาญาขอให้อยู่ในดุลพินิจศาล สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3681/2568
คำแถลงของผู้เสียหายต่อศาลชั้นต้นว่า “ไม่ติดใจดำเนินคดี ส่วนแพ่งกับจำเลย สำหรับคดีส่วนอาญาขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล” เป็นเพียงข้อตกลงไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในทางแพ่ง ส่วนที่ผู้เสียหาย แถลงว่า “สำหรับคดีส่วนอาญาขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล” เป็นการแถลงขอให้ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยตามที่เห็นสมควร มิใช่เป็นการยอมความกัน สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒)

อ่านต่อ
ผู้เสียหายที่ 1 เป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ยินยอมให้จำเลยเข้าไปในบ้านเพื่อสนองความใคร่ ผิดข้อหาพรากเด็กไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจารหรือไม่

คำพิพากษาฎีกาที่ 2055/2568
จำเลยไปที่หน้าบ้านของผู้เสียหายที่ ๑ แล้วพิมพ์ข้อความแจ้ง ผู้เสียหายที่ ๑ เปิดประตูแล้วจำเลยเข้าไปในบ้านกระทำชำเราผู้เสียหาย ที่ ๑ ในห้องนอนโดยความยินยอมของผู้เสียหายที่ ๑ โดยจำเลยมิได้ พาหรือนำตัวผู้เสียหายที่ ๑ ไปที่อื่น อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐาน พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล การกระทำและเจตนาของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ วรรคหนึ่งและวรรคสาม

อ่านต่อ
คดีก่อนจำเลยต้องโทษคดีลักทรัพย์นายจ้าง จำเลยได้กระทำความผิดซ้ำภายใน ๕ ปี ศาลจะเพิ่มโทษในคดีนี้ได้ ต้องถือเอาวันที่ออกเช็คหรือวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2568
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการ ใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ (๑), (๓) เกิดขึ้นเมื่อธนาคารตามเช็คพิพาทปฏิเสธการจ่ายเงิน มิใช่วันที่เขียนเช็ค ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นวันออกเช็ค และความผิดยังไม่เกิดขึ้น จำเลยต้องโทษจำคุกคดีก่อนฐานลักทรัพย์นายจ้างซึ่งคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ และพ้นโทษเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๕ จำเลยกลับมากระทำความผิดคดีนี้ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินและ ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก เข้าเงื่อนไขที่จำเลยได้กระทำความผิดใดๆ ขึ้นอีกภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษคดีก่อน ศาลเพิ่มโทษจำเลยในคดีนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากจำเลย

อ่านต่อ
จำเลยได้เงินไปจากโจทก์เป็นหลายครั้งหลายหนเกินกว่าที่หลอกลวงครั้งแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวมหรือหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาฎีกาที่ 940/2568

จำเลยหลอกลวงโจทก์ด้วยการชักชวนให้โจทก์ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับจำเลย แม้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์เป็นระยะหลายครั้งหลายหนก็เพราะหลอกลวงโจทก์ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับจำเลยเช่นเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องโดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือ หลอกลวงให้โจทก์ร่วมลงทุนเพื่อให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ ไม่ว่าจำเลยจะได้รับเงินไปหลายครั้งหลายหนและเป็นจำนวนเกินกว่าที่หลอกลวงครั้งแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวมิใช่หลายกรรมต่างกัน

อ่านต่อ
โจทก์จำเลยมีโทสะกัน โจทก์ออกจากบ้านจำเลยไปประมาณ 30 นาที แล้วจำเลยถือมีดไปฟันโจทก์ที่บ้านโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่

คำพิพากษาฎีกาที่ 800/2568
ข้อหา ฆ่าผู้อื่น เหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

คืนเกิดเหตุจำเลยมีโทสะกับโจทก์ร่วมขณะโจทก์ร่วมไปเอาไก่ชนคืนจากจำเลย แต่โจทก์ร่วมได้ออกจากบริเวณบ้านของจำเลยไปแล้ว เหตุการณ์ที่จำเลยผิดใจกับโจทก์ร่วมน่าจะขาดตอนแล้ว ทั้งนับแต่เวลาที่จำเลยผิดใจกับโจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมได้ออกจากบ้านของจำเลยผ่านพ้นไปประมาณ 30 นาที ก่อนเกิดเหตุ นับว่าเป็นระยะเวลานานพอสมควรและเพียงพอที่จำเลยจะมีสติและระงับอารมณ์หรือโทสะของตนให้กลับมามีสติสัมปชัญญะได้แล้ว จำเลยออกจากบ้านของตนและ ถือมีดพร้าติดมือตามไปพบโจทก์ร่วมที่บ้านเกิดเหตุแล้วเดินตรงเข้าไปหาโจทก์ร่วมใช้มีดพร้าที่ถืออยู่เป็นอาวุธฟันศีรษะโจทก์ร่วมอย่างแรงทันทีหลายครั้ง แสดงว่าจำเลยตระเตรียมอาวุธมีดพร้ามาจากบ้านโดยตั้งใจจะไปทำร้ายโจทก์ร่วมตั้งแต่ออกจากบ้าน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

อ่านต่อ
ศาลพิพากษายกฟ้องในวันไต่สวนมูลฟ้อง โดยไม่ทำการไต่สวนมูลฟ้อง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทนายความโจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ได้หรือไม่

คำพิพากษาฎีกาที่ 228/2568
คำพิพากษาฏีกา ประจำพุทธศักราช 2568 ตอนที่ 4
จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา

คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องโดยไม่นัดไต่สวนมูลฟ้อง หรือนัดไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้อง หรือไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องก็ได้ เพราะเป็นดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็วและชอบด้วยกฎหมาย เมื่ือศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยชี้ขาดได้ และมีคำสั่งให้งดการไต่สวนมูลฟ้องแล้วนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ย่อมมีอำนาจกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย

โจทก์ฎีกาว่า
-คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
-การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ?

หากโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 และมาตรา 216 เมื่อโจทก์ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ และต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หากโจทก์ไม่เห็นด้วยก็ควรจะใช้สิทธิยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 และมาตรา 221 แต่โจทก์กลับไม่ดำเนินการ

การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่หลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว จึงไม่เป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

อ่านต่อ
ร่วมกันยักยอกโฉนดที่ดินแอบเอาไปเป็นประกันเงินกู้กับนายทุนนอกระบบ
คดีนี้เป็นทนายโจทก์ฟ้องคดีจำเลยทั้งสอง ข้อหาร่วมกันยักยอกโฉนดที่ดินแอบเอาไปเป็นประกันเงินกู้กับนายทุนนอกระบบ
 
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2568
การที่จำเลยได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาลจากโจทก์ร่วมไปครอบครองแล้วจำเลยกลับเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ร่วมไป เมื่อโจทก์ร่วมทวงถามก็ไม่ยอมคืนให้แก่โจทก์ร่วมโดยปราศจากเหตุผลอันจะอ้างตามกฎหมายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการครอบครองสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ร่วมแล้วเบียดบังเอาเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 352 วรรคหนึ่ง
อ่านต่อ
ความผิดฐานซ่องโจรเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 5 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
คดีนี้รับเป็นทนายความของจำเลยทั้งเจ็ดคน ศาลไต่สวนมูลฟ้องยกฟ้องความผิดฐานซ่องโจร
 
คดีซ่องโจร
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 กำหนดไว้ว่า
ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16640/2555
ความผิดฐานซ่องโจรเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 5 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ซึ่งบัญญัติไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ความสงบสุข และความปลอดภัยของประชาชนโดยส่วนรวม มิใช่บัญญัติไว้เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจงเป็นส่วนตัว ดังนั้น ความผิดฐานซ่องโจรถือว่าเป็นการกระทำต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ซึ่งเป็นราษฎรจึงไม่ใช่บุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดโดยตรง มิใช่ผู้เสียหายนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีได้เอง